ท่านทราบหรือไม่ว่า..กระจกส่วนใหญ่รีไซเคิ่ลไม่ได้?
ท่านทราบหรือไม่ว่า..พลังงานที่ใช้ในการผลิตกระจกหน้ารถยนต์ 1แผ่น = พลังงานทั้งหมดที่ใช้ซ่อมกระจกรถยนต์ 10,000รอย?
..และการที่ท่านได้รักษากระจกรถยนต์ของท่านไว้ นั่นเท่ากับว่าท่านได้มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม(Saving the environment)อีกทางหนึ่งด้วย
ความเป็นจริงคือ.. กระบวนการผลิต ---> โลกร้อนขึ้น ---> แผ่นดินไหว,ซึนามิ,อุทกภัย ...(1)
Non-recyclable ---> มูลขยะล้น ---> มลภาวะเป็นพิษ ...(2)
ถาม1: ถ้าท่านพบรอยจุดดำๆที่ฟันแท้ ท่านจะปล่อยให้'ฟันผุจนเน่าไปทั้งซี่' หรือรีบไป'พบทันตแพทย์'เพื่ออุดฟันก่อน?
คุณเอ : ผุก็ให้มันผุไปซิ เดื๋ยวค่อยไปถอนเอา แล้ว'ซื้อฟันปลอม'ใส่เอาก็ได้ จะเอาแบบไหน-สีอะไรมีถมไป เดี๋ยวนื้ไม่กี่สตางค์..
คุณบี : เราหาหมออุดฟันก่อน ยอมจ่าย500-600ดีกว่า กลัวใส่แล้วฟันปลอมไม่สนิทแน่น ให้ความรู้สึกไม่เหมือนฟันแท้ กินอะไรก็ไม่อร่อย หงุดหงิด..!!
แล้วท่านคิดเช่นไร.. แบบคุณเอหรือแบบคุณบี?
..ที่ต้องมาพูดเรื่องรากฟัน เพราะมันไปโยงกับเรื่อง'การซีล'
ถาม2: อันที่จริง..แนวทางการซ่อมรอยกระจกหน้ารถโดนหินมีขึ้นมาได้ ก็เพราะข้อด้อยของการติดตั้งเองมิใช่หรือ???
แนวทางการซ่อมฯที่ชัดเจนเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ.1971 รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา โดยบริษัท3M(Minnesota Mining and Manufacturing Company)เปิดตัวระบบการซ่อมอย่างเป็นรูปธรรมชื่อ.."Scotch Weld" ..ซ่อมโดยวิธีการใช้'ไซริง'ฉีดเรซิ่นสังเคราะห์เข้าสู่รอยแตก หากแต่งานซ่อมสัมฤทธิ์ผลได้เพียงรอยแตกแบบตาวัว(Bullseye break)เท่านั้น เนื่องจากเป็นยุคแรกเริ่ม ซึ่งยังไม่มีการพัฒนาทางด้านเทคนิค(ไม่มีการVacuumก่อน) ทั้งเครื่องมือที่ใหญ่เทอะทะและต้นทุนที่สูงเกินไป(ใช้เครื่องUltra sound vibrationsทำความสะอาดรอยแตก) จึงไม่ประความสำเร็จในธุรกิจเท่าที่ควร ต่อมาจึงปล่อยเช่าเครื่องมือให้กับบริษัทประกันภัยรถยนต์และเลิกธุรกิจไปในที่สุด แต่ถือได้ว่า'3M'เป็นผู้ริเริ่มวางระบบการซ่อมฯที่ชัดเจนและเป็นต้นแบบในการพัฒนาการซ่อมฯ จนเป็นที่ยอมรับไปทั้งUSAและทั่วโลกมากระทั่งทุกวันนี้
ปัจจุบัน(บ้านเรา)มีผู้ให้บริการโฆษณาตามสื่อต่างๆทั่วไปเช่น สื่ออินเตอร์เนต,นิตยสารรถ ทั้งแบบมีหน้าร้านและช่างอิสระ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า..กว่า20ปีที่ระบบการซ่อมฯเข้ามาในเมืองไทย กลับมีผู้ให้ความสนใจเรื่องการซ่อมฯกันในวงแคบๆเท่านั้น ไม่แปลกอะไรที่มีผู้ให้บริการเลิกไปแล้วหลายราย..
แต่ที่น่าแปลกใจ!! ..ทั้งที่คุณประโยชน์หรือข้อดีของการซ่อมมีมากกว่าข้อด้อย(หลังซ่อมเหลือตำหนิเล็กน้อย)มากนัก แต่งานซ่อมกลับถูกมองข้าม(ไม่ได้รับการส่งเสริม)จากภาครัฐฯและองค์กรที่เชื่อมโยงโดยตรง(บริษัทประกันภัยรถยนต์)
-ผู้ให้บริการส่วนใหญ่อาจไม่มีความรู้-ความเข้าใจในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในเรื่องการซ่อมฯอย่างแท้จริง จึงทำให้'งานซ่อมไม่เกิดประสิทธิผล'หรือ
-ท่านผู้ใช้บริการ(เจ้าของรถ)ไม่ทราบว่าการซ่อมรอยบนกระจกหน้ารถคืออะไร? ซ่อมไปเพื่ออะไร? กล่าวคือท่านไม่ได้รับข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการ หรืออาจได้ข้อมูลมาบ้างแต่ไม่ชัดเจน ผิดเพื้ยนไปเนื่องด้วยการโฆษณาที่เกินความเป็นจริง
ผลลัพธ์คือ..ท่านมุ่งหวังผิดวัตถุประสงค์-->ผิดหวัง-->เปลี่ยนจ้า-->หนักกว่าเดิม-->เข็ดขยาด-->เลิกซ่อม-->ตลาดวาย-->ผู้ให้บริการเฉ่งปี๋
ดังนั้นกระผม'ช่างแม็คซ่อมกระจกรถยนต์' ขออนุญาตเปิดเวทีเล็กๆแห่งนี้ www.glassclinics.com เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกับหลายท่านที่ยังไม่ทราบ หากท่านที่ทราบดีแล้ว ต้องรบกวนให้ท่านข้ามไปก่อน หรือว่ามีข้อมูลตกหล่น ผิดพลาดไปบ้าง กระผมยินดีรับคำชื้แนะและต้องกราบขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ
ข้อโต้แย้งที่เห็นบ่อยๆตามเวบบอร์ดต่าง..เรื่องกระจกเป็นรอยจากการโดนหินดีดใส่
"แก้วที่มันร้าวไม่นานก็คงจะแตก" (ถูกต้อง..จึงสมควรซ่อม ซ่อมให้หยุดร้าวไงครับ ถ้าไม่ได้ผล..ท่านรับเงินคืนตามสัญญา ที่ผ่านมาให้ใช้ฟรีๆ แล้วท่านเสียอะไรครับ ???) "เปลี่ยนเถอะ รุ่นนื้แค่ 3,000บ.กว่าเอง" (ค่าซ่อมไม่ถึงพัน..เปลี่ยนมีค่าฟิล์ม ขอบยางอีก อาจได้ของฝากกลับมาด้วย..มีคราบกาวเลอะ กิ๊ปล็อคหัก รอยครูด รอยแซะ รอยงัด-->สีถลอก-->สนิม-->ผุ..ผุ-->รั่ว รถท่านราคาหลักแสน-หลักล้าน กระจกหลักพัน-หลักหมื่น แน่นอน..ท่านมีเงินเปลื่ยนแน่ๆ(ร้านเปลี่ยนถมไป เผลอๆปากชอยบ้านก็มี) แต่ประเด็นคือ..จะเปลี่ยนดีหรือ? ในเมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่าและฉลาดกว่า ) "มีประกันชั้น1..เคลมฟรี ไม่มีค่าเเอ็คเซพท์"(ฟรีตรงไหน!! โดนเพิ่มเบี้ย+เสียประวัติดี+เสียเวลาเปิดเคลม..แล้วถ้าผ่านไปอีก2เดือน โดนอีกเป๊ะ ต้องเคลมอีกรอบ พอครั้งแรกดันใส่ดี พออีกทีเจอช่างมั่ว แล้วน้ำก็รั่วตามระเบียบเอย) "เปลี่ยนดีกว่า ซ่อมแล้วไม่หาย" (ใครล่ะพูดว่าซ่อมแล้วหาย??..เราซ่อมเพื่อรักษาซีลลิ่งเดิมไว้ และไม่ให้รอยมันดูน่าเกลียด เปลี่ยนก็แพงกว่า..แถมต้องวัดดวง ที่เราซ่อมน่ะ..เพื่อหนีเปลี่ยน จะได้ใช้ต่อได้ หรือท่านจะไปเสี่ยงถอดของที่ซีลลิ่งดีอยู่แล้วจากโรงงาน..ออกมาสร้างปัญหาเพิ่ม 'อันที่ใส่ดีก็มีถมไป ที่ใส่ไม่ดีมีให้เห็นบ่อยๆ '...หรือว่าไม่จริง!! "มีDIYแค่850บ.เอง ซื้อมาลองทำได้นะ" (เห้อ..แทนที่งานจะดีกว่านี้!! ซื้อDIYแล้วทำได้ทุกคน ได้ผลทุกรอยจริงหรือ?..อเมริกาต้นตำรับมาขายงานมอเตอร์โชว์ตั้งหลายครั้งยังม้วนเสื่อ หรือจะจริงที่ว่า..ลูกค้าไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวเอาไปทำไม่สำเร็จ พอเจอปัญหา็ก็เงอะงะ แก้ไขไม่เป็น รอยเล็กๆง่ายๆพอถูไถ พอยากขึ้นอีกนิดลิเกลาโรง เหตุที่ซ่อมไม่ได้ผล-->กรรมวิธีไม่ใช่ น้ำยาไม่ถูกเบอร์ ซ้ำอุปกรณ์ก็ให้ไม่ครบ แหม!ก็ซื้อ850บ.เขาจะให้ชุดUV+สว่านมือได้เชียวหรือ? คำว่าทำได้กับทำให้ดีอย่างมืออาชีพ..มันต่างกันนะท่าน!!) "แปะเทปใสมา3ปีแล้วยังไม่แตกเพิ่มเลย.แหะ แหะ" (ที่หินดีดตอนเช้าพอตากแดด ถึงบ่ายแตกเป็นคืบล่ะ!! ..ที่บางรอยไม่ขยายเพิ่มออกไป ก็บังเอิญเป็นรอยที่มีลักษณะการแตกที่ไม่ส่งผลให้ร้าวเพิ่มได้นั่นเอง) "ซ่อมเองก็ได้ แค่กาวช้างหยอด กระดาษทรายขัดๆ" (ดีจัง..ที่ไปช่วยซ้ำให้หนักกว่าเดิม ถ้ากาวช้างหลอด25บ.ช่วยหยุดร้าวได้..งั้นฝรั่งก็พิลึก!! มานั่งทำห้องแล็บ -->ขายน้ำยาให้มันแกวที่ไหนกว่า30ปี เซราะกราว)
|
|
..พอมาถึงวาระที่ต้องเปลี่ยน-ติดตั้งใหม่ การเปลี่ยน = การสร้างโอกาสให้พบปัญหาภายหลังการติดตั้ง..น้ำรั่ว,ลมเข้า,ขอบยางไม่เข้ารูป ฯลฯ
จะมีประโยชน์แค่ไหน?...หากมี'วิธีการซ่อม' ซึ่งเป็นการแก้ไขทางเทคนิค เพื่อป้องกันไว้ก่อน จะได้ไม่เกิดปัญหาบานปลาย
..วิธีที่ว่าคือการซ่อมฯโดย'กระบวนการฉีด'ด้วยเรซิ่นสังเคราะห์(Acrylic resin)ในสถานะ'ของเหลว'เข้าสู่ด้านในรอยแตก จากนั้นจึงCuring ด้วยuvAเพื่อไปกระตุ้นเรซิ่นฯให้เปลี่ยนสถานะจาก..ของเหลว(l)-->เป็นของแข็ง(s) หากเรซิ่นฯที่ผ่านการCuringโดยสมบูรณ์แล้วจะทำหน้าที่เสมือนกาวที่มีความยืดหยุ่น ซื่งสามารถยึดเกาะพื้นที่ผิวรอยร้าวได้อย่างมั่นคง(Mechanical Strength is + or - 7 % of new glass) กล่าวคือ..สามารถซ่อมรอยหินดีดใส่กระจกรถให้หยุดร้าวได้100%ทีเดียว
การซ่อมโดยวิธีฉีดด้วยเรซิ่นฯนั้น ส่งผลดีตามมาคือหยุดร้าวเพิ่ม(1) และรอยที่ซ่อมเสร็จแล้วยังแลดูใสขึ้น(2)อย่างเห็นได้ชัด..เนื่องด้วยแสงที่ลอดผ่าน'กระจกไปยังเรซิ่น'คล้ายกับว่าแสงได้ลอดผ่านตัวกลางชนิดเดียวกัน หรืออธิบายได้ว่า'ค่าดัชนีหักเห'ของกระจกลามิเนตกับเรซิ่นมีค่าเทียบเคียงกันนั่นเอง
ปัจจัยสำคัญในการซ่อมกระจกรถคือ'เรซิ่น' ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากUSA ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพน้ำยาเคมีมาอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้าน..
1.แรงยึดเกาะกับวัตถุ(Adhesive strength)..เกิดปฏิกริยาทางเคมีที่พัฒนาแรงยึดติดระหว่างกันขึ้น โดยที่มีโมเลกุลจำนวนมากๆของเรซิ่นไปเกาะเกี่ยวพันกัน(molecule link)กับกระจกลามิเนต......เรซิ่น<-->กระจก
2.แรงยึดเหนี่ยวภายใน(Cohesive strength)..คือแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของเรซิ่น ซึ่งต้านทานการยืดตัวอันเกิดจากแรงภายนอกมากระทำ โดยที่เรซิ่นไม่ฉีกขาดออกจากกัน.....เรซิ่น<-->เรซิ่น
3.ค่าดัชนีหักเห(Refractive index)..
..โดยเฉลี่ยแล้วเรซิ่นฯที่ได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งาน..5-8ปี(..Stone chip repair)
ท่านที่เคารพ..การซ่อมรอยบนกระจกรถนั้นเป็นทางเลือกที่ดี แต่ใช่ว่าจะซ่อมได้ทุกรอยหรือแก้ไขได้ทุกเรื่องไป ต้องดูความเหมาะสมว่าอะไรซ่อมแล้วดี-ไม่ดี อะไรควร-ไม่ควร จากนี้ไปเรามาร่วมกันใคร่ครวญถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระจกรถของท่าน และหยิบยกแนวทางการแก้ไขที่มีอยู่แล้วมาใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อให้เกิดคุณประโยชน์สูงสุดต่อรถของท่านเอง
![]() |
'ขวัญใจช่างภาพ' - เธอชนะใจสื่อมวลชนได้ ก็ด้วยรักษาความงาม 6ประการคือ..
1.ฝรั่งเซด'Keeping the factory seal on an original windshield improves overall vehicle safety' ..รักษาซีลเดิมจากโรงงานไว้ปลอดภัยกว่า 2.รักษามูลค่ารถ..ขายต่อราคาไม่ตก(ผู้ซื้อรถอ้าง..เปลี่ยนกระจกมา=รถชนหนัก,พลิกคว่ำ) 3.รักษามลภาวะ ..กระจกคือขยะก้อนโต ยากที่จะกำจัด(กระจกลามิเนตยังรีไซเคิ่ลไม่ได้) 4.รักษาเวลา ..ไม่ต้องเสี่ยงจอดรถทิ้งไว้ ไม่ต้องนั่งดมกลิ่นกาว(1ชม.เสร็จ..เสด็จกลับได้) 5.ประหยัดกว่า ..จ่ายเงินหลักร้อยเพื่อรักษาเงินหลักพัน-หลักหมื่นไว้(รักษาฟิล์มเดิมด้วย)
6.รักษาสิทธิการประกันภัย ..ได้รับส่วนลด20%ของเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ(Renival year)
ทำไมต้อง..Glass Clinics? *ด้วยประสบการที่ช่ำชอง..ผ่านงานมากกว่า8,000รอย(Full time พ.ศ.2547)
*ด้วยเครื่องมือและน้ำยาเคมี..เลือกนำเข้าจากบริษัทที่ได้มาตรฐานสูงสุดของUSA *ด้วยเทคนิคและวิธีการ..ที่ได้รับการปรับ-แก้ไขครั้งล่าสุด จึงนำมาปฏิบัติอย่างถูกวิธี *ด้วยเป็นผู้ให้บริการรายเดียวในเมืองไทย..ที่ซ่อมรอยแตกชนขอบยาวถึง45cmอย่างได้ผล *จ้าวแรก&จ้าวเดียวที่สามารถลบรอยบนกระจกรถเกือบทุกชนิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ |
และผลงานที่ประจักษ์สู่สายตาท่านนั้น ก็ได้พิสูจน์ถึงความตั้งใจจริงเสมอมา ไม่แปลกอะไรเลยที่'กระผมช่างแม็ค'จะได้รับความเชื่อถือ ไว้วางใจจากท่านที่เคยใช้บริการ หลายท่านพึงพอใจ หลายท่านกล้าบอกต่อ แนะนำไปโดยไม่ขัดเขิน และยินดีกลับมาใช้บริการอีกเมื่อพบกับปัญหา
เราGLASS CLINICS คาดหวังว่า..ท่านจะตอบรับกับบริการซ่อมกระจกรถยนต์ดีๆที่เราตั้งใจมอบให้